เคยคิดให้ลึกๆมันเป็นเหมือนปริศนาธรรม คือธรรมที่กล่าวมาแล้ว ก็ธรรมที่ต้องคิดเอาเองครับจริงๆมีเยอะมาก ขอยกมากล่าวแค่นี้ก่อนนะครับ ใครจะเพิ่มเติมไม่ว่ากันครับ เคารพในสิทธิของทุกท่านครับผม
1. ทุกคนมีกรรมเป็นที่ตั้ง มีกรรมเป็นที่ไป แสดงว่า กรรม หรือการกระทำต่างๆนั้นได้กำหนดมาให้แล้วเหมือนหนังเรื่องๆหนึ่งที่ได้กำหนดบทบาทไว้ให้แล้ว เมื่อแสดงจบ ก็หอบเอาบทบาทนั้นๆไปแสดงต่อแสดงว่าทุกอย่างกำหนดรู้กำหนดเจอ ล่วงหน้ามาให้เราแล้ว เรากำลังเดินเข้าไปหามัน ก็เท่านั้นเอง
2.ทุกคนเกิดมาเพราะมีกรรมส่งมาให้เกิดมาให้ใช้กรรมที่ได้เคยกระทำมาแล้ว อันนี้ยิ่งชัดเลย มองเห็นภาพ ว่ามีสิ่งหนึ่งที่กำหนดบทบาท ในหนังเรื่องหนึ่งที่ได้จบไปเลย ส่งให้มาแสดงหนังอีกเรื่องหนึ่ง เป็นภาค2ภาค3เรื่อยๆไป ตามกลไกแห่งกรรมคือการกระทำ เป็นพ็อตเรื่องไปเรื่อยๆ มีการกำหนดล่วงหน้าไว้แล้วอย่างชัดเจน เป็นชุดๆ คล้ายๆว่าทำอะไรก็ได้สิ่งนั้น ตอบแทน ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว ตอบแทน สิ่งนี้เป็นกลไก ล่วงหน้า ที่กำหนดรู้มาแล้ว ว่าต้องมีต้องเป็นต้องได้ ตามการกระทำนั้นๆล่วงหน้า
3.การดูกรรม,การตัดกรรม,การเปิดกรรม,การล่วงรู้อนาคตของเราและของคนอื่น, ถ้าไม่มีกรรมล่วงหน้าไว้แล้วจะรู้ได้ยังไง แสดงว่ากรรมนั้นมีมารอแล้ว ล่วงหน้า เพียงแต่เรากำลังเดินเข้าไปหามัน คนที่ดูกรรมเป็นรู้ว่าคนนั้นจะโดนอะไรคนนี้จะโดนอะไร จะรู้ได้ยังไง ถ้าไม่กระโดดไปดูกรรมล่วงหน้าให้เรา แสดงว่ากรรมมันมารออยู่แล้วกำหนดมาแล้วในอนาคตเพียงแต่เรายังไปไม่ถึงกรรมเท่านั้นเอง ซึ่งก็เป็นผลมาจากการกระทำที่แล้วๆมาของเรานั่นเอง นี่ !ด้วยเหตุและผลนะครับ ลองคิดตามดูครับ ว่าเป็นจริงหรือไม่
...เมื่อนำมาประมวลตามเหตุและผล แล้ว จึงมีคำสอนต่างๆมากมาย เช่น ให้ทุกคนมีสติ ตั้งอยู่ด้วยความไม่ประมาท ก็เพราะว่า จะมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่ต้องเป็นไป ตามการกระทำนั้นๆ กรรมนั้นกำลังหล่นมาใส่เราเราก็วิ่งไปหามัน ต่างคนต่างก็วิ่งเข้าใส่กัน เหมือนรถกำลังจะวิ่งชนกันตลอดเวลา เมื่อเป็นอย่างนี้พระท่านจึงสอนให้มีสติ อย่าประมาท ถ้าประมาทรถก็วิ่งชนกัน กรรมกับเราก็วิ่งชนกัน ถ้าเราไม่ประมาทกรรมที่กำลังวิ่งมา เราก็กำลังวิ่งไป กำลังจะชนกัน มันก็อาจจะรอดได้ทั้งคู่ ก็คือกรรมที่ทำมาแล้วกำลังจะชดใช้แล้วกำลังวิ่งมาชนเรา ตัวเราที่กำลังรอการชดใช้กรรมก็กำลังวิ่งไปชนกรรม ถ้าปล่อยไปตามกรรม คือการไม่มีสติ ตั้งอยู่ในความประมาท ก็ตายลูกเดียว เมื่อมีสติไม่ประมาท กรรมนั้น อาจจะผ่อนหนักเป็นเบา ผ่านพ้นไปไป ยังสวนทางกันได้ยังไม่ชนกันได้ พระพุทธเจ้าท่านสอนในครั้งสุดท้ายว่า ทุกคนอย่าได้ประมาท สิ่งนี้ไม่ได้ให้ทุกคนมาเชื่อผม เพียงแต่อยากให้คิด โดยเหตุและผล ว่ากรรมคืออะไรกันแน่ทำไมถึงต้องเป็นไปตามกรรม แล้วจะมีอะไรมาหยุดกรรมได้ นอกจากความมีสติ ความไม่ประมาท สิ่งนี้ หยุดและบรรเทากรรมได้ ส่วนมากจะไม่มีสติ และเกิดความประมาท จึงต้องเจอกรรมแบบเต็มๆกันทุกคน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แค่คิดว่าอยากเป็นคนดี ก็ใช้ได้แล้วเพื่อน
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น