วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระพุทธเจ้าตรัสเล่าบุพพกรรม กรรมในกาลก่อน

พระพุทธเจ้าตรัสเล่าบุพพกรรม กรรมในกาลก่อน
พุทธาปทาน ชื่อว่าปุพพกัมมปิโลติกะ (ท่อนผ้าเก่าแห่งบุพพกรรม)ทรงแสดงกรรมดีและกรรมชั่วที่พระองค์ทรงทำไว้ อันส่งผลร้ายแก่พระองค์ แม้ในชาติสุดท้าย พระองค์ทรงเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เป็นที่น่าอัศจรรย์ พระองค์ประทับเหนือพื้นศิลาอันรื่นรมย์ ใกล้สระอโนดาด ตรัสเล่าบุพพกรรม ของพระองค์ ดังนี้ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย....ท่านจงฟังกรรมที่เราได้กระทำไว้แล้ว
...................................................................................
เราเห็นภิกษุรูปหนึ่งในป่า จึงถวายผ้าท่อนเก่า ในกาลนั้นเราได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จ แม้ในความเป็นพระพุทธเจ้า
....................................................................................
เราเคยเป็นนายโคบาล ในชาติก่อนๆต้อนแม่โคไปสู่ที่หากิน เห็นแม่โคดื่มน้ำขุ่นจึงห้ามไว้ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ในภพสุดท้ายนี้ เรากระหายน้ำ จึงไม่ได้ดื่มตามต้องการ ต้องใช้พระอานนท์ไปตักน้ำ พระอานนท์ไม่ตักทูลว่าน้ำขุ่น ต้องตรัสย้ำให้ไปใหม่ พอพระอานนท์ไปตักครั้งที่2 น้ำพลันใสสะอาด
มหาปรินิพพารสูตร
......................................................................................
เราเคยเป็นนักเลงชื่อ ปุนาลิ ในชาติก่อนๆได้กล่าวใส่ร้ายพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่าสุระภิ ผู้มิได้ประทุษร้าย ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงท่องเที่ยวไปในนรกสิ้นกาลนาน เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปีเป็นอันมากด้วยกรรมที่เหลือนั้น ในภพสุดท้ายนี้ ก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุแห่งนาง สุนทริกา เป็นนักบวชหญิง ถูกพวกเดียรถีย์ ใช้ให้บอกใครต่อใครว่าจะไปค้างคืนกับสมณโคดม แล้วไปค้างเสียที่อื่น รุ่งเช้าทำเป็นเดินมาจากเชตวันวนารามที่ประทับ พออีก2-3วันเดียรถีย์ก็จ้างนักเลงมาฆ่านางตาย ทำให้เห็นเป็นเชิงว่าถูกฆ่าปิดปาก คนก็สงสัยว่าอาจจะเป็นจริงแค่พระราชาส่งราชบุรุษสืบดูตามร้านสุรา ก็จับพวกนักเลงได้ และลงโทษผู้ว่าจ้างในที่สุด
..........................................................................................
เพราะกล่าวใส่ความพระสาวกของพระสัพพาภิภูพุทธเจ้ามีนามว่านันทะ เราจึงท่องเที่ยวไปในนรกตลอดกาลนานหลายหมื่นปีเมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ก็ถูกใส่ความมาก ด้วยกรรมที่เหลือนั้น นางจิญจมาณวิกา จึงได้ใส่ความเราด้วยความไม่จริงต่อหน้าหมู่ชน นางจิญจมานวิกา เป็นนักบวชสตรี ถูกพวกเดียรถีย์ ใช้ให้ทำอุบายว่ามีครรภ์ กับพระพุทธเจ้าโดยเอาไม้ผูกไว้ที่ท้อง แกล้งด่าประจานพระพุทธเจ้า ในที่ประชุมชน แต่เผอิญไม้ที่ผูกไว้หลุดตกลงมาจึงถูกประชาทัณฑ์ และถึงแก่ความตายในที่สุด ซึ่งในอรรถกถาธรรมบท ใช้คำว่าถูกธรณีสูบตาย ภายหลังที่ถูกประชาชนลงโทษแล้ว
............................................................................................
เราเคยเป็นพราหมณ์ผู้มีความรู้ (ผู้ได้สดับ)มีผู้เคารพสักการะ สอนมนต์แก่มาณพ500 ได้ใส่ความภิมฤาษี ผู้มีอภิญญา5 มีฤทธิ์มากผู้มาในที่นั้น โดยกล่าวกับศิษย์ทั้งหลายว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม มาณพทั้งหลายก็พลอยชื่นชมไปกับเราด้วย เมื่อไป ภิกขาจารในสกุลก็เที่ยวกล่าวแก่มหาชนว่าฤษีผู้นี้เป็นผู้บริโภคกาม ด้วยผลแห่งกรรมนั้นภิกษุ500เหล่านี้ ทั้งหมดก็พลอยถูกใส่ความไปด้วยเพราะเหตุแห่งนาง สุนทริกาเมื่อมีข่าวว่านางสุนทริกาถูกฆ่าตาย ชาวบ้านเข้าใจว่าภิกษุทั้ง500มีส่วนในการฆ่าปิดปากนางจึงพากันด่าว่า เมื่อแลเห็นภิกษุ500เหล่านั้นทั้งหลาย เมื่อพระราชาทรงสืบทราบแล้วลงโทษผู้ฆ่าแล้วเรื่องจึงสงบลง
...............................................................................................
ในกาลก่อน เราได้เคยฆ่าน้องชายต่างมารดาของพระเทวทัตเพราะเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงไปในซอกเขา เอาหินทุ่มด้วยผลแห่งกรรมนั้น พระเทวทัต จึงเอาหินมาทุ่มเรา สะเก็ตหินมาถูกหัวแม่เท้าเราบาดเจ็บ
.................................................................................................
ในกาลก่อน เราเป็นเด็กเล่นอยู่ในทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงเผาสิ่งต่างๆขวางทางไว้ด้วยผลแห่งกรรมนั้นในภพสุดท้ายนี้ เทวทัตจึงส่งคนมาเพื่อฆ่าเรา
...................................................................................................
ในกาลก่อน เราได้เป็นนายควาญช้าง ไสช้างให้ไล่กวดพระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้เที่ยวไปบิณฑบาตร ด้วยผลแห่งกรรมนั้นช้างนาฬาคีรี ดุร้าย เมามัน จึงวิ่งเข้ามาหาเรา เพื่อทำร้าย ในนครอันประเสริฐ ซึ่งมีภูเขาเป็นคอก คือนครราชคฤห์ มีภูเขา5ลูกล้อมรอบ จึงมีนามว่านครที่มีภูเขาล้อมเป็นคอก
.....................................................................................................
เราได้เคยเป็นพระราชา เป็นหัวหน้าทหารเดินเท้า ได้ฆ่าบุรุษหลายคนด้วยหอก ด้วยผลแห่งกรรมนั้นเราได้ หมกไหม้อย่างหนักในนรก ด้วยผลที่เหลือแห่งกรรมนั้น สะเก็ตแผลที่เท้าของเรา ก็กลับกำเริบ เพราะกรรมยังไม่หมด
......................................................................................................
เราเคยเป็นเด็ชาวประมง ในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลาก็มีความชื่นชม ด้วยผลแห่งกรรมนั้นเราจึงเกิดเจ็บที่ศรีษะ ในขณะที่ วิฏฏุภะ(วิฑูฑภะ) คือโอรสของท้าวพระเจ้าปเสนทิโกศลและนางวาสภขัตติยาผู้เป็นบุตรี ซึ่งเกิดจากนางทาสีของมหานาม ศากยะ คณะกษัตริย์ศากยะ เลือกส่งมาถวายพระเจ้าปเสนทิโกศลเมื่อคราวทรงขออภิเษกกับนางกษัตริย์ศากยะ วิฑูฑภะฆ่าพวกศากยะ เพราะโกรธว่า ดูหมิ่นเอาน้ำนมสด มาล้างที่นั่ง เมื่อคราวตนไปเยี่ยมญาติ ณ กรุงกบิลพัสดุ์
............................................................................................................................
เราได้เคยบริภาษ(ด่าโดยอ้อม) พระสาวกในพระธรรมวินัยของพระผุสสพุทธเจ้าว่า ท่านจงเคี้ยว จงกินข้าวเหนียวเถิด อย่ากินข้าวสาลีเลย ด้วยผลแห่งกรรมนั้นเราเลยต้องบริโภคข้าวเหนียวอยู่ 3เดือน ในเมื่อพราหมณ์ นิมนต์ไปอยู่เมืองเวรัญชาคือพราหมณ์นิมนต์ไปจำพรรษาแล้ว ลืมถวายอาหาร ได้อาศัยพ่อค้าม้า ถวายข้าวแดง อาจเป็นข้าวเหนียวแดงที่สำหรับให้ม้ากิน
............................................................................................................
ในสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้า เราได้เคยทำร้าย บุตรแห่งนักมวยปล้ำ ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงเจ็บที่หลัง
............................................................................................................
เราได้เคยเป็นหมอ(แกล้ง)ถ่ายยาบุตรแห่งเศรษฐี(คงเป็นการถ่ายอย่างแรงจนถึงแก่ชีวิต)ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงลงโลหิต โรคปักขันทิกะ น่าจะเป็นโรค ริดสีดวงทวาร อย่างรุนแรงแม้แต่พระพุทธเจ้ายังหนีกรรมไม่พ้น ต้องรับการประชวรด้วยโรคปักขันทิกะ (ถ่ายเป็นโลหิต)และเสด็จปรินิพพานด้วยพระโรคนี้
.............................................................................................................
เราเป็นผู้ชื่อ โชติปาละ ได้เคยกล่าวกับพระสุคต พระนามว่ากัสสปะว่า การตรัสรู้เป็นของได้โดยยากท่านจะได้จากควงไม้โพธิ์ที่ไหนกัน ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราได้บำเพ็ญทุกกรกิริยา เป็นอันมาก สิ้นเวลา6ปี ต่อจากนั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้ เรามิได้บรรลุการตรัสรู้ในทางนั้น ได้แสวงหาโดยทางที่ผิด เพราะถูกกรรมเก่าทวงเอา
...............................................................................................................
"เราสิ้นบุญและบาปแล้ว เว้นแล้วจากความเดือดร้อนทั้งปวงไม่มีโศกไม่มีคับแค้นปราศจากอาสวะจักปรินิพพาน"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แค่คิดว่าอยากเป็นคนดี ก็ใช้ได้แล้วเพื่อน

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น