ความโกรธมีหลายระดับ ผมตั้งไว้ 5ระดับ ดังนี้
1.ระดับงูจำศีล
2.ระดับงูกำลังเลื้อย
3.ระดับงูกำลังหิว(ต้องหาเหยื่อ)
4.ระดับงูกำลังงับเหยื่อคาปาก
5.ระดับงูกำลังกลืนเหยือลงท้อง
ความโกรธ ก็เหมือนคนที่กางร่มในที่ลมพัดแรง ไฉนเลยจะต้านลมนั้นได้ลมเปรียบเสมือนสิ่งที่มากระทบ ส่วนร่มเปรียบเสมือนไฟแห่งความโกรธที่เปิดรับ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ทั้งตนเองและผู้อื่น ทำไมเราไม่หุบร่มการระงับความโกรธด้วยความไม่โกรธ เราก็ค้องรู้จักความโกรธให้ถ่องแท้ความโกรธมาจากไหนเล่า รากเหง้าความโกรธ ก็มาจาก ความอาฆาตพยาบาท
จองเวร ที่สะสมมาหลายภพหลายชาติ หากเราผูกเวร ก็ไม่มีทางหลุดพ้นความโกรธไปได้
ทางที่จะตัดรากเหง้าความโกรธ ก็คือ
1.การลดความอาฆาตพยาบาท จองเวร ต่อกันและกัน จนหมดสิ้นทุกภพชาติ
2.ลดทิฐิมานะ ถือว่าตัวดีตัวรู้ ยอมรับฟังเหตุผลของผู้อื่นเสมอๆแล้วจังตัดสินใจ
3.ไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เพราะการเบียดเบีัยนชีวิตผู้อื่นเป็นการสร้างเวร
สร้างความโกรธแค้น อันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเดือดร้อน ไม่จบสิ้น
ความโกรธนั้นพระพุทธเจ้า ท่านเปรียบไว้ 3 อย่างดังนี้
1.การเขียนลวดลายไว้บนก้อนหิน( ยากที่จะลบเลือนไปได้ง่ายๆ)
2.การเขียนลวดลายไว้บนพื้นดิน(ต้องใช้สติปัญญาและเวลาพอสมควร)
3.การเขียนลวดลายไว้บนพื้นน้ำ (เกิดขึ้นแล้วดับไป)
แต่ผมขอเพิ่มอีกระดับหนึ่งแล้วกัน คือ
4.การเขียนลวดลายบนอากาศ (หมดความโกรธสัมผัสความโกรธนั้นไม่ได้เลย)หากผู้ใดละความโกรธ นั้นได้ จนหมดสิ้น ถือว่าท่านผู้นั้นเป็นปัญญาชน ระดับพระอริยะบุคคล ระดับ อานาคามีหากหล่ะได้มากกว่านี้ คือปล่อยวางร่างกายดั่งพื้นปฐพีท่านนั้นก็ถึงซึ่ง พระอรหันตผล ในที่สุด สาธุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แค่คิดว่าอยากเป็นคนดี ก็ใช้ได้แล้วเพื่อน
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น