วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระพุทธเจ้าไม่ฉันท์เนื้อสัตว์ เพราะเป็นผู้รู้แจ้งโลก

เหตุผลทำไมพระพุทธเจ้าถึงไม่ฉันท์เนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้าท่านมีพระญาณอันกว้างไกล ไม่ใช่แค่โลกนี้โลกเดียว ท่านรู้ถึงวาระจิตทั้งหมด รู้ถึงทุกสิ่งว่ามาจากไหน เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ตายแล้วจะไปไหน สมมุติว่ามีเนื้อสัตว์แค่หนึ่งชิ้นวางอยู่ ท่านเพ่งดูก็รู้ว่ามาจากไหน ตายด้วยสาเหตุใด ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ พระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่า เนื้อที่กินได้นั้น ต้องไม่รู้ไม่เห็นการฆ่า เป็นไปได้หรือ ที่ พระพุทธเจ้าของเรา ผู้ซึ่งเป็นสัพพัญูญู คือเป็นผู้รู้ทุกสิ่ง จะไม่รู้ไม่เห็นเชียวหรือว่าเนื้อที่กินนั้นได้มาอย่างไร แค่พระองค์เพ่งพระญาณ ก็รู้แจ้งแล้ว ในเมื่อรู้แจ้งแล้ว จะฉันท์ได้หรือ ก็ในเมื่อท่านบอกเองว่า ต้องไม่รู้ไม่เห็น แต่พระญาณเห็น แต่ที่พระองค์ ไม่บัญญัติกฏ ก็ให้ท่าน คิดเอาเอง จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน คนไหนรู้แจ้งก็ไม่ต้องกิน คนไหนไม่รู้แจ้งก็กินไป ทรงไม่ได้ห้าม แม้แต่ศีลข้อที่1 ควรเว้นเสียจากการฆ่าสัตว์ท่านก็ไม่ได้ห้าม ก็ให้เว้นได้ก็ควรเว้นเท่านั้น ตรงนี้เป็นปริศนาธรรมนิดนึง คนที่สำเร็จแล้วรู้แจ้งแล้วจะไม่กินเนื้อสัตว์แน่นอน เช่น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ซึ่งเป็นผู้รู้แจ้งโลก ด้วยเหตุและผลนี้ ในความคิดผม ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ ผมกล้าพูดได้เต็มปากเลย ก่อนพระพุทธเจ้า จะตรัสรู้ หากท่านจะกินเนื้อสัตว์ ก็ไม่เป็นไร เพราะท่านไม่รู้ หลังจากท่านตรัสรู้ รู้แจ้งแจ่มชัดในทุกสิ่งแล้ว รู้วาระจิต ในสัตว์ ในคน หมดแล้ว เห็บเกาะผ้าเหลืองด้านใน ท่านยังรู้เลยว่ามาจากไหน แล้วจะไม่รู้เหรอว่าเนื้อสัตว์นี้มาจากไหน เชื่อว่าท่านลำดับขั้นตอนได้เลยถ้ามีคนถามท่านขึ้นมา แล้ว ท่านจะกินเรอะครับ ทั้งๆที่รู้เองอย่างนี้แล้ว ในพระญาณ ที่หาที่เปรียบมิได้นั้น ลองคิดดูครับ ตามเหตุและผลครับ เมื่อมีสีดำ ก็ต้องมีสีขาว นำมาเปรียบเทียบกัน ให้ได้เห็น ตามเหตุและผลถ้าไม่มีชั่ว จะมี ดี เหรอมีคนกินเนื้อสัตว์ ก็ไม่มีคนกินเนื้อสัตว์ทุกอย่างมี2สิ่งตรงข้ามเสมอ มันเป็นของมันอย่างนี้ตั้งนานแล้ว ผมเพียงแต่นำเสนอ ในด้านนึงเท่านั้นครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แค่คิดว่าอยากเป็นคนดี ก็ใช้ได้แล้วเพื่อน

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น