วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

นายจุณฑะ ฆ่าหมูขาย ในสมัยพุทธกาล

ในสมัยพุทธกาล ชายคนหนึ่งนามว่าจุณฑะ มีอาชีพฆ่าหมู ทำการค้าโดยนำข้าวเปลือกไปแลกลูกหมูชาวบ้าน แล้วนำมาเลี้ยงจนโตได้ขนาด ยามใดข้าวยากหมากแพง ก็จะตุนข้าวไว้ ไปแลกได้ลูกหมูหลายตัว วิธีการฆ่าหมูของนายจุณฑะนั้นทำอย่างพิศดารมาก กล่าวคือ ผูกตรึงหมูไว้กับหลัก แล้วใช้ไม้ทุบหมูน่วมไปทั้งตัว โดยไม่ให้มันตาย วิธีนี้เขาเชื่อว่าจะทำให้เนื้อของหมูนุ่มและอร่อยขึ้น จากนั้นก็เอาขอเกี่ยวหมูขึ้นมาแขวนงัดปากให้อ้า แล้วเอาน้ำร้อนกรอกปากลงไป เพื่อล้างท้องหมูให้สะอาด น้ำแรกๆ อุจจาระ
ปัสสาวะจะออกมาทางช่องทวาร จนน้ำหลังๆเห็นว่าสะอาดดีแล้วจึงพอ วิธีการของเขาเป็นการทารุณหมูอย่างโหดเหี้ยม นายจุณฑะ ประกอบอาชีพนี้นานนับ55ปี ฆ่าไปเท่าไหร่นับไม่ถ้วน ในบั้นปลายชีวิตของเขาเขาป่วยลง สติฟั่นเฟือน ร้องครวญคราง เหมือนหมูที่ถูกเขาทุบ และเอาน้ำร้อนกรอกปากตอนใกล้จะตาย ลูกเมียรู้สึกอับอายขายหน้าเพื่อนบ้าน จึงจับมัดนายจุณฑะไว้ ใช้ผ้าอุดปากไม่ให้ร้องแต่นายจุณฑะกลับมีเรี่ยวแรงอย่างประหลาด สะบัดเชื่อกที่มัดอยู่หลุด ลูกเมียจึงจับไปขังไว้ในห้องคราวนี้นายจุณฑะลงไปคลาน และร้องครวญครางเหมือนเสียงหมูดังลั่นได้ยินไปไกล เป็นเช่นนี้อยู่7วันจึงสิ้นใจตาย เมื่อตายขณะจิตเศร้าหมอง กรรมจากการฆ่าหมูปรากฏในห้วงคำนึง นำพานายจุณฑะไปตกนรก ก่อนตาย มีพระภิกษุ ซึ่งบิณฑบาตรผ่านมาบ้านนายจุณฑะ ทุกวัน ได้ยินเสียงร้องของนายจุณฑะคิดว่าเป็นเสียงร้องของหมูตอนถูกฆ่า จึงนำเรื่องมาทูลถามพระพุทธองค์ ว่าบ้านนายจุณฑะคงมีงานใหญ่ทุกวัน จึงฆ่าหมูมิได้หยุดหย่อน ได้ยินเสียงร้องของหมูอย่างน่าเวทนาทุกวัน ..พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณ...
จึงตรัสกับพระภิกษุว่าเสียงร้องครวญครางที่เธอได้ยินนั้นมิใช่เสียงร้องของหมู แต่เป็นเสียงของนายจุณฑะ อันเกิดจาก อกุศลกรรมที่ทำไว้ ปรากฏให้เห็นในบั้นปลายชีวิตของเขาเอง...
เมื่อเป็นอย่างนี้ พระพุทธเจ้า ผู้เป็นสัพพัญญู จะกินหมูเหรอ ลองคิดๆดูครับ ไม่ต้องเชื่อผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แค่คิดว่าอยากเป็นคนดี ก็ใช้ได้แล้วเพื่อน

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น