วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

จิตคิดถึงบุญกุศลก่อนตาย ได้ไปเกิดบนสวรรค์

ในพรรษาที่18ของพระศาสดา พระพุทธเจ้าท่านนั้นประทับอยู่ที่ เวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์มีพระอรหันต์3องค์ จำพรรษาใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ครั้งออกพรรษา พระเถระเหล่านั้นประสงค์จะเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา จึงออกเดินทางกันไปกรุงราชคฤห์ ระหว่างทางผ่านไร่อ้อยของพราหมณ์ ผู้มีมิจฉาทิฐิ ขณะนั้นเป็นเวลาเย็นแล้ว พระเถระพบคนเฝ้าไร่อ้อย จึงถามบุรุษผู้นั้นว่าวันนี้จะเดินทางไปกรุงราชคฤห์ทันหรือไม่ บุรุษนั้นตอบว่ายังอีกไกลมาก จึงนิมนต์พระเถระพักในไร่อ้อยและจัดที่พักให้พระทั้ง3องค์ โดยนำต้นอ้อย ใบอ้อย วัสดุที่พอหาได้ มาทำเพิงพักชั่วคราว ให้พระเถระทั้ง3องค์ค้างแรม พร้อมกับคอยปรนนิบัติ รับใช้ด้วยความเต็มอกเต็มใจรุ่งเช้า ได้ถวายไม้สีฟัน น้ำล้างหน้า ภัตตาหาร และน้ำอ้อยถวายแด่พระเถระทั้ง3องค์พร้อมทั้งถวายอ้อยองค์ละลำไว้สำหรับขบฉันท์ ระหว่างเดินทาง พระเถระ อนุโมทนา แล้วออกเดินทางระหว่างทางพราหมณ์ เจ้าของไร่อ้อย เดินสวนทางกับพระเถระ เห็นพระเถระถืออ้อยมาจึงถามว่าได้มาจากไหน พระเถระตอบว่าชายผู้เฝ้าอ้อยถวาย พราหมณ์ เจ้าของไร่อ้อย โกรธมากตรงมายังไร่อ้อยทันที แล้วใช้ไม้ทุบตี คนเฝ้าไร่อ้อย ด้วยแรงโทสะ จนถึงแก่ความตายก่อนตาย คนเฝ้าไร่อ้อย คิดถึงแต่บุญกุศลที่ได้ทำไว้กับพระเถระทั้ง3 ด้วยความปิติอิ่มใจเป็นผลให้ได้ไปเกิดบนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ มีทิพยวิมานสวยงาม
.........................................................................................................................
จิต หวนคำนึง ชั่วก่อนตาย ก็ตกนรก จิต หวน กุศลกรรม จิต ผ่องใส ก็ไปสวรรค์
นิพพานนั้น ไม่กำหนดหมาย ปล่อยวางขันธ์5 แล้วเป็นสุข ไม่มีร่างกายแล้วเป็นสุข นั่นคือนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แค่คิดว่าอยากเป็นคนดี ก็ใช้ได้แล้วเพื่อน

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น