ศีลกับปัญญาต้องอยู่คู่กันขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เพราะศีลนั้นชำระปัญญา ปัญญาชำระศีลในที่ใดมีศีลในที่นั้นมีปัญญา ในที่ใดมีปัญญาในที่นั้นมีศีล ศีลกับปัญญากล่าวได้ว่าเป็นยอดในโลกเปรียบเหมือนใช้มือล้างมือ ใช้เท้าล้างเท้า ศีลและปัญญา ก็ชำระกันและกันฉันนั้น สุภาษิตนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่าถูกต้องแล้ว เมื่อมีศีลดีแล้วมีปัญญาดีแล้ว สมาธิจึงเป็นหนึ่งมั่นคงตามมา แต่สิ่งที่จะทำให้สิ้นอาสวะท้ายสุดก็คือปัญญาอันเฉียบขาดและรู้ทันกิเลศ คือยอดแห่งสติปัญญา ในสุดท้ายนั้นปัญญานั้นแหละ ทำให้อาสวะ
คือกิเลศที่หมักดองในสันดาน นั้นสิ้นไป ปัญญาเข้าน็อคเอ๊ากิเลศ ในท้ายที่สุด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แค่คิดว่าอยากเป็นคนดี ก็ใช้ได้แล้วเพื่อน
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น